ธุรกิจ CPCRT เปิดศูนย์บริหารจัดการข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot)

04 March 2025

ปัจจุบันการติดตามการเกิด “จุดความร้อน หรือ Hotspot” ที่เกิดจากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงผิดปกติจนสามารถตรวจวัดคลื่นรังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนที่เกิดจากไฟ (อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส) บนพื้นผิวโลกได้ด้วยเครื่องมือตรวจจับรังสี (Sensor) ระบบเวียร์ (VIRS) ที่ติดตั้งบนดาวเทียม Suomi-NPP, NOAA-20 และ NOAA-21 ที่มีความละเอียดของจุดภาพดีขึ้น โดยมีขนาดจุดภาพ 375 เมตร (ครอบคลุมพื้นที่ 375 x 375 เมตรบนพื้นโลกจริง) แล้วถูกนำมาประมวลผลเป็นค่าพิกัดจุดกึ่งกลางจุดภาพ (Pixel) ตามเวลาจริงทั่วโลกและเผยแพร่ข้อมูลรายช่วงเวลาพร้อมให้บริการดาวน์โหลดย้อนหลังหนึ่งวันผ่านช่องทางการบริการ (Platform) FIRMS (Fire Information for Resource Management System) ของ NASA

ดร.สดุดี สุพรรณไพ รองกรรมการผู้จัดการด้านความยั่งยืนของธุรกิจ CPCRT กล่าวว่า ปัจจุบันมีศูนย์บริหาร จัดการข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จากระบบเวียร์ (VIIRS) ที่ติดตั้งบนดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ที่มีการ ติดตามข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จำนวน 2 ครั้งต่อวัน โดยมีการเก็บข้อมูลรายช่วงเวลาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2563 จนถึง ปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ 5 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ประเทศไทย ประเทศเมียนมา ประเทศเวียดนามประเทศลาว และประเทศกัมพูชา แล้ววิเคราะห์ประมวลผลโดยการซ้อนทับร่วมกับขอบเขตการปกครองของแต่ละประเทศและข้อมูลสิ่งปกคลุมดิน (Landcover) จากชุดข้อมูล Global LULC ปี พ.ศ. 2566 ด้วยดาวเทียม Sentine1-2ภายใต้โครงการ Copernicus ขององค์การอวกาศยุโรป (European Space Agency) เพื่อจำแนกตำแหน่งจุดความร้อน (Hotspot) ตามแต่ละขอบเขตการปกครองและชนิดของสิ่งปกคลุมดิน ได้แก่ พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร พื้นที่ทุ่งหญ้า พื้นที่ชุมชนสิ่งปลูกสร้าง แหล่งน้ำ พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่ว่างเปล่า

โดยเผยแพร่แบบสาธารณะให้บริการแก่ผู้สนใจสามารถติตตามสถานการณ์ทั้งรูปแบบการแสดงผลรายวันและสัดส่วนของจุดความร้อนตามรายขอบเขตการปกครองและรายชนิดของสิ่งปกคลุมดิน ผ่านเว็บไซต์ https://sgc.cptg.co.th/en/hotspot-report บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด ในฐานะขององค์กรที่เป็นผู้นำหลักอุตสาหกรรมผู้ผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และตระหนักต่อคุณภาพของสิ่งแวดล้อม

จึงได้แสดงความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงในการนำเทคโนโลยีต่างๆ ประยุกต์และประสานต่อยอดในการร่วมติดตามและตรวจสอบสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการเป็นผู้นำในการริเริ่มนำกระบวนการและระบบที่สามารถใช้ตรวจสอบและทวนสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อันจะนำไปสู่การยกระดับการทำเกษตรอย่างยั่งยืนในภูมิภาค เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของธุรกิจ “ไม่ปลูกในพื้นที่รุกป่า ไม่มีการเผาแปลง“

ที่มา CPCRT