“คุณศุภชัย เจียรวนนท์” ซีอีโอเครือซีพี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์บนเวที “TSCN CEO PANEL: ปรับตัวอย่างไร ให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน” ในงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023
7 ตุลาคม พ.ศ. 2566 – คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือ C.P. Group ร่วมแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีเสวนา “TSCN CEO PANEL: ปรับตัวอย่างไร ให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน” ในงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) พร้อมผู้บริหารองค์กรชั้นนำ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี โดยมี คุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อนำเสนอแนวทางด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในการบริหารธุรกิจ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์จากการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน หวังพัฒนาขีดความสามารถของผู้นำองค์กรภาคธุรกิจอื่นๆ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ทั้งนี้ภายในงานมีผู้บริหารองค์กรชั้นนำ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการหลายหลายสาขาให้ความสนใจเข้าร่วมฟังกว่า 1,000 คน ณ SX GRAND PLENARY HALL ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า แม้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายเรื่อง แต่เรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญและมีการขับเคลื่อนเพิ่มขึ้น โดยทาง UN มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพเรื่องของความยั่งยืนและเป็นตัวอย่างที่ดีในอาเซียน เพราะแม้จะเจอผลกระทบของโลกในหลายด้าน แต่ก็มีการปรับตัว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในเรื่องของการลดคาร์บอน ซึ่งนโยบายภาครัฐจะต้องสนับสนุนการใช้รถยนต์ EV การใช้พลังงานสะอาด การทำโซลาร์ฟาร์ม การให้อินเซนทีฟกับผู้ประกอบการในเรื่องความรู้และนวัตกรรม เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้เครือซีพีได้มีประกาศเป้าหมายและยุทธศาสตร์ความยั่งยืนที่ชัดเจน และได้ประกาศเป้าหมายนำองค์กรสู่ Carbon Neutral ในปี 2030 ซึ่งเครือซีพีได้ดำเนินการลดคาร์บอนไปแล้ว 70% โดยได้ดำเนินการใน scope 1 และ scope 2 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรแล้ว ขณะเดียวกันก็เริ่มดำเนินการใน scope 3 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ใหญ่และท้าทายอย่างมาก แต่เครือซีพีจะไม่ละความพยายามที่จะต้องอาศัยการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าและภาคส่วนอื่นๆ ด้วย
คุณศุภชัย ได้ให้คำแนะนำในการทำธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนจำเป็นต้องมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และต้องมองกลไกการตลาดควบคู่ไปด้วย ในขณะเดียวกันต้องมองความท้าท้ายใน 3 เรื่องใหญ่คือ 1.Inclusive capital ลดความเหลื่อมล้ำ 2.ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และ 3.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมองว่าจะต้องให้ความสำคัญใน 2 ประเด็นคือ 1.ในภาคธุรกิจ ทุกบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต้องรีพอรต์เป้าหมายความยั่งยืน เช่น รีพอร์ตการลดคาร์บอน และ 2.ในภาคสังคมต้องให้ความสำคัญเรื่องระบบการศึกษา ที่จะต้องมีการเพิ่มเรื่องความยั่งยืนเข้าไปในหลักสูตร ปรับการเรียนการสอนโดยให้เด็กเป็นศูนย์กลางให้เขาได้เกิดการเรียนรู้จากการได้ลงมือทำจริงด้วยตัวเอง (Action Base Learning) เรียนรู้จากปัญหา ตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ พัฒนาร่วมกัน รวมไปถึงต้องให้ความสำคัญในเรื่อง Computer Science และการใช้เอไอ ซึ่งจะต้องปลูกฝังจริยธรรมคุณธรรมในการใช้เทคโนโลยีควบคู่กันไป
ซีอีโอเครือซีพี มองว่าการปรับองค์กรต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนา “คน” โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ต้องมีการทำงานข้ามบียู ข้ามองค์กร ซึ่งซีพีทำ 100% เพื่อให้พนักงานกล้าออกจากคอมฟอร์ทโซนมาเรียนรู้สิ่งใหม่นอกเหนือจากงานที่ทำอยู่ประจำ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงาน และจะทำให้พวกเขาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้องค์กรเพิ่มขึ้น เพราะถ้าให้คนรุ่นใหม่ทำงานเหมือนเดิม 3 ปีจากคนอัจฉริยะกลายเป็นคนธรรมดา จะต้องให้โอกาสพวกเขาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
“การปรับตัวให้อยู่รอดในยุคที่มีความท้าทายมากมายต้องให้ empowerment คนรุ่นใหม่ เพราะตอนนี้คือยุคของพวกเขา และต้องสร้างความร่วมมือในแบบ Chick to Click to Collaborate สร้างความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราไม่จำเป็นต้องแข่งทุกเรื่อง แต่ต้องสร้างร่วมมือกันมากขึ้นทั้งภาครัฐและเอกชน ภาคประะชาสังคม เรื่องของความร่วมมือจึงเป็นประเด็นใหญ่และสำคัญในการตอบโจทย์การขับเคลื่อนความยั่งยืนให้ไปถึงเป้าหมาย ถ้าร่วมมือกันก็หักโค้งได้ทัน”
พร้อมเน้นย้ำปิดท้ายว่า ในยุคนี้ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ภาครัฐจะต้องเอาจริงเอาจังกับการวางโครงสร้างด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น และต้องมีการวางเป้าหมายความยั่งยืนที่ชัดเจนโปร่งใส มี action plan และเปิดเผยข้อมูลนำเสนอต่อสาธารณะ โดยในยุคนี้ต้องให้คนทำสื่อไม่ว่าจะเป็นสื่อหลัก สื่อออนไลน์ ต้องมาเป็น facilitator ในการร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนด้วย