การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีเป้าหมายที่จะยกระดับแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน และดำเนินกลยุทธ์เชิงนวัตกรรม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานของเรา เพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการดำเนินงานของเรา และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืน
Achieve carbon neutrality (Scope 1+2)
SBT near-term target for Scope 1+2, reduction by 42%
SBT near-term target for Scope 3, reduction by 25%
การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การดำเนินงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของ Sustainable Development Goals จำนวน 6 เป้าหมายด้วยกัน
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Sustainable Development Goals Report 2023
ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
เครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินการประเมินและจัดลำดับความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินผลกระทบที่เรามีต่อผู้มีส่วนได้เสีย และประเด็นใดที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและจะมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์และการดำเนินการของเราเมื่อเวลาผ่านไป ในปี 2566 ผลการประเมินพบว่าความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อการลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด 5 กลุ่ม
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Stakeholder Engagement Report 2023
Our Impacts by the Numbers
-
Charoen Pokphand Group Climate Related Risk Management Report
-
TCFD Report 2023
-
นโยบายการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
-
นโยบายการจัดการคุณภาพอากาศ
แนวทางการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นโยบายและความมุ่งมั่นด้านการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
แนวทางการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการมลพิษทาอากาศ
การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม
Environmental Investment Initiatives and Projects
การปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
แนวทางการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากการที่ทั่วโลกให้ความสนใจต่อการก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนเป็นศูนย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์จึงมองว่านี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับเครือฯ ดังนั้น เราจึงได้กำหนดเป้าหมาย Carbon Neutral ซึ่งได้รับการรับรองเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ หรือ Science-base Target เป้าหมายนี้เป็นแนวทางในการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสูงสุดของความตกลงปารีสในการจำกัดภาวะโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5°c
เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกกิจกรรม การพัฒนาระบบการขนส่งที่ทันสมัย รวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ การจัดหาวัตถุดิบคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืน ไม่ทำลายป่า ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลงทุนในการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
นโยบายและความมุ่งมั่นด้านการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. Group) เครือฯ ตระหนักถึงความเร่งด่วนที่เพิ่มขึ้นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่กว้างขวางต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจของเรา เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายนี้ เครือฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยยึดมั่นในมาตรฐานสากลสูงสุดอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เราได้นำข้อพิจารณาด้านความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาบูรณาการในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ไปจนถึงการดำเนินงานประจำวัน เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของเรามีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้
แนวทางของเครือฯ ให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุม และการบูรณาการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในทุกระดับของการตัดสินใจ ซึ่งรวมถึงการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดและข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศระดับสากล เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสีย เพื่อที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มความยืดหยุ่นต่อการขาดแคลนทรัพยากรและการหยุดชะงักที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหลากหลายกลุ่ม รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด โดยการส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน การจัดหาทรัพยากรอย่างมีจริยธรรม และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เครือฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายการจัดหาที่มีความยืดหยุ่นและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น การมีส่วนร่วมของเครือฯ ยังครอบคลุมไปถึงชุมชนท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้เสียในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการแก้ไขผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อประชากรที่เปราะบาง และส่งเสริมความยืดหยุ่นทางสังคมผ่านโครงการที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน
เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่เข้มแข็ง ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับผู้กำหนดนโยบาย เครือฯ มุ่งหวังที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับสังคม
นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังลงทุนในโซลูชั่นและเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับเป้าหมายการสร้างความยืดหยุ่นของเครือฯ เราสนับสนุนและให้เงินทุนกับโครงการที่ช่วยบรรเทาและปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเสริมสร้างความยืดหยุ่นของชุมชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเราดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกัน
การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญว่าความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของเราอย่างไร ในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการบริหารจัดการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุม ซึ่งได้นำกรอบการรายงานของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) มาใช้ แนวทางเชิงรุกนี้ช่วยให้เราสามารถระบุ ประเมิน และจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะจัดการกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันก็เปิดรับศักยภาพในการเติบโตและนวัตกรรมที่ยั่งยืน
การประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:
เราประเมินความเสี่ยงทางกายภาพ การเปลี่ยนผ่าน และชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบผ่านการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศของเรา การวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อขั้นตอนการผลิต ระบบการกระจายสินค้า และความต้องการของตลาดเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการประเมินนี้ การทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้สามารถช่วยให้เราสร้างแผนการฟื้นฟู ลดความเปราะบาง และปกป้องบริษัทของเราจากการหยุดชะงักทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
การประเมินโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:
นอกเหนือจากการประเมินความเสี่ยง วิธีการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญต่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาสยังทำให้เราพบความเป็นไปได้ที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่มีคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ซึ่งเราเสาะหาแนวทางการดำเนินงานที่ไม่เพียงแต่เหมาะสมต่อธุรกิจของเรา แต่ยังตอยสนองต่อรูปแบบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาส การพัฒนาทางเทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เครือฯ เห็นความสำคัญต่อการลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียน การใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน และผลิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
การบูรณาการเข้าสู่การตัดสินใจ:
การประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่กิจกรรมที่ทำขึ้นและจบไป แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการตัดสินใจของเรา เครือฯ มีการดำเนินงานเพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทของเราจะสามารถปรับตัว มีความสามารถในการแข่งขันได้ และมีความยั่งยืนในสภาพแวดล้อมภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาส ซึ่งเครือฯ ได้รวมการพิจารณาสภาพภูมิอากาศไว้ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการตัดสินใจลงทุนของเรา
การปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตระหนักถึงการเป็นส่วนร่วมรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ และตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และมุ่งพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส จึงได้กำหนดเป้าหมายและนโยบายที่จะเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral ภายในปี 2573 และได้มีการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ แบ่งออกเป็นกิจกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mitigation Action) และกิจกรรมที่จัดการความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation Action)
-
Evaluation of Social Cost of Carbon
การรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
ที่เครือฯ เราตระหนักถึงความสำคัญของการได้รับการรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การผ่านการรับรองมาตรฐาน EMS พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างชื่อเสียงของเราให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย และการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั่วโลก ในสถานการณ์ที่ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญกับ ช่วยให้เราลดความเสี่ยง เปิดโอกาสในการลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้เรามีความได้เปรียบทางการแข่งขัน นอกจากนี้ การรับรองระบบ EMS ยังส่งเสริมวัฒนธรรมการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในหมู่พนักงานของเรา สร้างความภาคภูมิใจและการมีส่วนร่วมในความรู้ที่พวกเขาทำงานให้กับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นอันดับแรก และส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างแข็งขัน
การรับรอง / การตรวจสอบ | สัดส่วนการรับรอง (ร้อยละ) |
---|---|
ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล | 50.22 |
การรับรอง / การตรวจสอบโดยบุคคลที่สามที่เชี่ยวชาญ | 15.05 |
การรับรองภายใน / การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานใหญ่ | 34.73 |
รวม | 100 |
-
ตัวอย่างใบรับรอง
แนวทางการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญสองประการ ได้แก่ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เป้าหมายที่เหล่านี้แสดงออกถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและสะท้อนวิสัยทัศน์ของเราสำหรับอนาคตที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573
ภายในเจ็ดปีต่อจากนี้ เครือฯ ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมากเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นกลางของคาร์บอน เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยความพยายามในการชดเชยที่ผ่านนวัตกรรม ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการจัดหาอย่างมีจริยธรรม เพื่อให้บรรลุผลการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573
การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
เป้าหมายของเราในการบรรลุการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 หลังปี 2573 ถือเป็นแนวทางระยะยาวที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของเรา เรามุ่งมั่นที่จะกำจัดหรือชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดของเราอย่างสมบูรณ์ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทจะมีแนวทางที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายระยะสั้นภายในปี 2573
เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการมลพิษทาอากาศ
การบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ความทุ่มเทของเราที่มีต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เป็นแรงบันดาลใจให้เราติดตาม วัดผล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดการก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมของเรา เครือฯ มุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความคืบหน้าและมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐาน เครือฯ ตระหนักดีว่ากสนจัดการก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพมีความสำคัญต่อโลกและชุมชนที่เรามีการดำเนินงานอยู่ ตลอดจนธุรกิจของเรา
นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้นำการกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing - ICP) มาใช้เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เป็นแนวทางในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายในองค์กร กระตุ้นการลงทุนที่ลดการปล่อยคาร์บอน ค้นหาและคว้าโอกาสในการลดคาร์บอน และทดสอบความทนทานของการลงทุน การกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กรนี้ยังถูกนำมาใช้ในการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าของเราอีกด้วย
ความคืบหน้าการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ข้อมูลการดำเนินงานปี 2566
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยรายได้
ปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1+2
แบ่งตามประเภท
S1 Stationary Combustion
S1 Mobile Combustion
S1 Fugitive Emissions and Others
S2 Electricity
แบ่งตามธุรกิจ
ปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3
การบริหารจัดการพลังงาน
ประเด็นด้านการอนุรักษ์พลังงานและความยั่งยืนมีความสำคัญในระดับต้น ๆ ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ ความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาการบริหารจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และผลด้านการเงินของเราดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม เครือฯ ยังคงมุ่งดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของเราในการเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานอย่างรับผิดชอบ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ เครือฯ ตระหนักดีว่าการจัดการพลังงานเป็นเสาหลักสำคัญของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเรา
ความคืบหน้าการบริหารจัดการพลังงาน
ข้อมูลการดำเนินงานปี 2566
พลังงานที่ใช้ทั้งหมด
สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน
การใช้พลังงานต่อหน่วยรายได้
ประเภทของพลังงานและกิจกรรม
แบ่งตามสายธุรกิจ
การใช้พลังงานหมุนเวียน
เครือฯ ได้มีการใช้แหล่งพลังงานทางเลือกอย่างกว้างขว้างทั่วทั้งองค์กร เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเครือฯ ในด้านความยั่งยืนและความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ที่ผ่านมา เราได้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการดำเนินงานของเรา ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการพลังานหมุนเวียนอื่น ๆ ความมุ่งมั่นที่มีต่อการใช้พลังงานหมุนเวียน ไม่เพียงแค่ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาส แต่ยังช่วยส่งเสริมความเป็นอิสระและความหยืดหยุนทางพลังงานอีกด้วย เครือฯ ทุ่มเทให้กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสิ่งแวดล้อม และกำหนดมาตรฐานสำหรับการดำเนินการขององค์กรที่มีจริยธรรมในภาคส่วนของเรา ในขณะที่เราขยายการดำเนินงานด้านแหล่งพลังงานหมุนเวียน
ความคืบหน้าการบริหารจัดการการใช้พลังงานหมุนเวียน
ข้อมูลการดำเนินงานปี 2566
ข้อมูลสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน
ชีวมวล
ร้อยละ
ก๊าซชีวภาพ
ร้อยละ
RECs
ร้อยละ
พลังงานแสงอาทิตย์ และการซื้อไชขายไฟฟ้า
ร้อยละ
พลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์
ร้อยละ
การบริหารจัดการมลพิษทาอากาศ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้จัดให้มีมาตรการที่เข้มข้นเพื่อลดการปลดปล่อยมลพิษและส่งเสริมคุณภาพอากาศที่ เนื่องจากเราตระหนักถึงผลกระทบอันร้ายแรงของมลพิษทางอากาศที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน เราบรรลุระดับการปล่อยมลพิษทางอากาศที่ต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้โดยการใช้ระบบควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ล้ำสมัย แนวปฏิบัติที่เข้มงวด และการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของเราถูกรวมอยู่ในกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของเราในการจัดการมลพิษทางอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าพันธมิตรและคู่ค้าของเราทั้งหมดปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสูง
ความคืบหน้าการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ
ข้อมูลการดำเนินงานปี 2565
VOC = 130.87 ตัน
Air Pollution Management Progress
ข้อมูลการดำเนินงานปี 2566
VOCs Emissions
(tons)
การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม
เครือฯ และบริษัทในเครือให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้านมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะด้านอากาศ ด้านน้ำ ด้านของเสีย เป็นต้น ผ่านการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ และในทุกเขตประเทศที่เครือฯ เข้าไปดำเนินกิจการ ตลอดจนปลูกจิตสำนึกให้กับพนักงานให้เห็นความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม การลดการใช้พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หรือ การลดการใช้พลาสติก เป็นต้น
สำหรับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เครือฯ ได้มีการตรวจสอบการใช้ทรัพยากร การใช้พลังงานต่างๆ รวมไปถึงการจัดการของเสียที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง ผ่านระบบและอุปกรณ์ตามมาตรฐานระดับสากล โดยเครือฯ ได้มีการลงทุนด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอดผ่านโครงการหลากหลายประเภท ทั้งการพัฒนาพลังงานทดแทน อาทิ การลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่เกิดจากพลังงานสกปรก หรือการใช้ความร้อนใต้พิภพ การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมไปถึงการลงทุนด้านการก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน เป็นต้น
สรุปผลการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม
(ล้านบาท)
สรุปผลการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม
(หน่วย : ล้านบาท)
รายการ | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 |
---|---|---|---|---|
ค่าใช้จ่ายในการลงทุน | 1,464 | 3,718 | 4,292 | 4,845 |
ค่าใช้จ่ายการดำเนินการ | 220 | 474 | 530 | 534 |
ผลประหยัดจากโครงการ | 590 | 1,144 | 1,545 | 1,637 |
การใช้พลังงานลดลง (กิกะจูล) | 551,189 | 726,123 | 898,047 | 1,012,435 |
Environment Investment Initiatives and Projects
ฟาร์มและโรงงาน
Supercenter
Supercenter
ร้านสะดวกซื้อและศูนย์กระจายสินค้า
แผงโซลาร์ฐานส่งสัญญาณ
ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
แผงโซลาร์บนหลังคา
แผงโซลาร์บนหลังคา
Environmental Awareness Training
เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกกิจกรรม การพัฒนาระบบการขนส่งที่ทันสมัย รวดเร็ว และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ การจัดหาวัตถุดิบคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืน ไม่ทำลายป่า ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลงทุนในการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจัดให้พนักงานทุกคนในเครือฯได้รับความรู้
- นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของเครือฯ และนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอื่นๆ
- ความรู้เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม
- การเก็บข้อมูลและการคำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 3 Scope
- กรอบการบริหารการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการพลังงาน
- การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อการลดก๊าซเรือนกระจก
- กรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จทั้งภายในและภายนอกเครือฯ
ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
นโยบายความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และมีจริยธรรม เรารับผิดชอบต่อทุกขั้นตอนของอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดการการสิ้นสุดอายุการใช้งาน และเราตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้คำนึงถึงปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในแต่ละขั้นตอน การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนของเราให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและรักษามาตรฐานคุณภาพสูงสุด เพื่อให้มั่นใจถึงมาตรฐานด้านจริยธรรมและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เราร่วมมืออย่างใกล้ชิดคู่ค้าของเราเพื่อให้มั่นใจถึงขั้นตอนการจัดหาที่มีความรับผิดชอบ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราได้ลงทุนในเทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับกระบวนการผลิตของเรา
เครือฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับแรก และเราปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณสมบัติตรงหรือเหนือกว่ามาตรฐานความปลอดภัย ด้วยข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกล่าวอ้างด้านสิ่งแวดล้อม ทางเลือกในการรีไซเคิล และคำแนะนำในการกำจัดที่ถูกต้อง การติดฉลากและการสื่อสารที่โปร่งใสช่วยให้ผู้บริโภคมีข้อมูลในการตัดสินใจ ด้วยความพยายามที่จะสร้างสินค้าที่สามารถรีไซเคิลได้ง่าย เราพยายามอย่างเต็มที่ในการจำกัดการสร้างของเสียในระหว่างการผลิต และส่งเสริมการรีไซเคิลตลอดอายุของผลิตภัณฑ์ เราตรวจสอบและติดตามขั้นตอนการดูแลผลิตภัณฑ์ของเราเป็นประจำตามความคิดเห็นของลูกค้าแ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ ตอบสนองต่อข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราที่จะปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับข้อมูลเกี่ยวประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่นำมาพิจารณาในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์และบริการ ท่านศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นโยบายความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
การบริหารจัดการสารเคมีและวัตถุอัตราย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายอย่างเหมาะสม และสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการของเรา และในการดำเนินงานของบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง และนโยบายการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายของเครือฯ เพื่อลดและขจัดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายปี 2023: เครือเจริญโภคภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะลดหรือยกเลิกการใช้สารเคมีและสารอันตราย รวมถึงสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการภายในกระบวนการดำเนินงานของบริษัท โดยยึดตามลำดับชั้นของการควบคุมและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้สารเคมี เช่น ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565 และกฎระเบียบการจำกัดการใช้สารอันตราย (RoHs) เป็นต้น เพื่อควบคุมการใช้สารเคมีตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
ในปี 2023 ไม่มีกรณีการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีและสารอันตราย ซึ่งถูกควบคุมภายใต้บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2565 และกฎระเบียบการจำกัดการใช้สารอันตราย (RoHs) ในผลิตภัณฑ์และบริการของเรา
การประเมินผลผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดวัฎจักรชีวิต
เครือเจริญโภคภัณฑ์ใช้แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรผ่านการประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) LCA เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์ของเราตั้งแต่การผลิตจนถึงการกำจัด ด้วยการดำเนินการ LCA ที่เข้มงวด เราได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น และของเสียที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลนี้ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กระบวนการของเรา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบทางนิเวศน์น้อยที่สุด
นอกจากนี้ เครือฯ ยังได้ประเมินวิธี MECO ซึ่งเป็นวิธีการวิเคราะห์วัฏจักรชีวิตแบบย่อ (Simplified LCA) สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา เช่น ข้าวและไข่ เพื่อคัดกรองผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใน 4 หมวดหมู่ ได้แก่ วัสดุ พลังงาน สารเคมี และอื่น ๆ การประเมินนี้ครอบคลุมถึง 5 ระยะของวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การสกัดวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง การใช้ และการจัดการเมื่อสิ้นอายุการใช้งาน
การบัญชีการไหลของวัสดุเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับจากภายนอกที่เราใช้ในการติดตามและวิเคราะห์การไหลของวัสดุในผลิตภัณฑ์ของเรา เช่น ข้าวโพดและกุ้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักในธุรกิจการบูรณาการพืชผลและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ วิธีการนี้ช่วยให้เราเห็นภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้วัสดุและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลาก Carbon Footprint ของเครือฯ
877 ผลิตภัณฑ์
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP)
92 ผลิตภัณฑ์
ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CFR)
2 ผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ฉลากคาร์์บอนนิวทรัล
35 แห่ง
คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO)
12 โครงการ
การลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (TVERs)
ข้าวกะเพราหมู (Ezygo)
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์อยู่ที่ 789 gCO2e ต่อกล่อง โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
อาหารไก่พื้นเมือง เอราวัณ ซี 5 ขนาด 30 กิโลกรัม
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อยู่ที่ 21.5 gCO2e ต่อถุง โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
เจอร์ไฮ มีท แอส มีล (สูตรไก่) (309 กรัม)
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์อยู่ที่ 5.09 gCO2e ต่อถุง 1.2 กิโลกรัม โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์อยู่ที่ 1.12 gCO2e ต่อกล่อง โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
ข้าวกะเพราเนื้อบดจากพืช 250 กรัม
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์อยู่ที่ 555 gCO2e ต่อถุง โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
บะหมี่เกี๊ยวกุ้งซุปเข้มข้นและผัก ตราซีพี (309 กรัม)
ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อยู่ที่ 1.25 kgCO2e ต่อถ้วย โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ประเทศไทย
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของข้าวหอมมะลิ
บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด ได้ดำเนินการประเมินวัฏจักรชีวิตของการปลูกข้าวหอมมะลิจากเกษตรกร 30 รายในจังหวัดยโสธร ศรีสะเกษ และพะเยา เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตลอดวัฏจักรชีวิต
Environmental Impact of Producing 1 Kilogram of Jasmin Rice | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
Impact Type | Unit | Impact | |||||
Area Preparation | Planting | Care | GHG from Rice Fields | Harvest | Total | ||
Global Warming | kg CO2 eq | 0.38 | 0.17 | 0.071 | 1.49* | 0.024 | 2.14 |
Ozone depletion | kg CFC-11 eq | 1.9E-07 | 8.6E-08 | 3.7E-08 | 8.4E-09 | 3.21E-07 | |
Terrestrial Acidification | kg SO2 eq | 0.0017 | 0.00053 | 0.00090 | 3.0E-05 | 0.0032 | |
Freshwater Eutrophication | kg P eq | 0.0016 | 1.4E-05 | 0.0016 | 3.0E-08 | 0.0032 | |
Human carcinogenic toxicity | kg 1,4-DB eq | 0.53 | 0.12 | 0.16 | 0.0072 | 0.82 | |
Human non-carcinogenic toxicity | kg 1,4-DB eq | 0.00025 | 0.00013 | 6.6E-05 | 5.6E-06 | 0.00045 | |
Terrestrial ecotoxicity | kg 1,4-DB eq | 0.00070 | 0.0003 | 0.00024 | 9.4E-06 | 0.0012 | |
Freshwater ecotoxicity | kg 1,4-DB eq | 0.017 | 0.0051 | 0.0062 | 0.00028 | 0.029 | |
Land use | m2a crop eq | 0.0034 | 0.0057 | 0.0016 | 1.5E-05 | 0.011 | |
Water consumption | m3 | 0.0012 | 0.0013 | 0.0038 | 7.7E-06 | 0.0029 |
ความรับผิดชอบต่อวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์
ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ เราตระหนักดีว่าความรับผิดชอบต่อวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นที่จะจัดการวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ของเรา เพราะเราคิดว่าการจัดการผลิตภัณฑ์อย่างมีจริยธรรมจะต้องมีการดูแลหลังการขาย เราให้ความสำคัญกับการรีไซเคิล การใช้ซ้ำ และการกำจัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การออกแบบจนถึงการกำจัด เรามีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยการส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างจริงจังและจูงใจให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในหลักปฏิบัติด้านจริยธรรมเมื่อถึงการกำจัดผลิตภัณฑ์
บริษัท ซีพี พีซี จำกัด ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้ผลิตชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์กระดาษและผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเราทำจากวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ 100%
- ถุงพลาสติก
- บรรจุภัณฑ์อาหาร
- ผลิตภัณฑ์ PVC
- แกนกระดาษ
บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการหลากหลายเพื่อรับคืนผลิตภัณฑ์จากลูกค้าและรีไซเคิลวัสดุพลาสติกเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยผ่านกระบวนการแยกและหลอม และนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ในปี 2023 บริษัทฯ ได้รีไซเคิลหรือใช้ซ้ำผลิตภัณฑ์และวัสดุจำนวน 12.88% เพื่อทดแทนพลาสติกใหม่ และยังได้ส่งต่อให้ผู้รับเหมาช่วงเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนกว่า 130 ล้านบาท